นอกจากกระเบื้องเซรามิกแล้ว กระเบื้องอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับการนิยมใช้ก็คือ “กระเบื้องยาง” หรือที่เรียกกันในอีกชื่อว่า กระเบื้องไวนิล หรือกระเบื้องยางไวนิล

ซึ่งเป็นกระเบื้องที่ผลิตจากยาง โพลิเมอร์ จึงทำให้มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงทนทาน มีความสวยงาม มักทำออกมาเป็นลวดลายธรรมชาติ อย่างเช่นลายไม้ เป็นต้น ทั้งนี้ กระเบื้องยางที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน มีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ ดังต่อไปนี้

1.กระเบื้องยาง กลุ่ม SPC

กระเบื้องยาง SPC เป็นกระเบื้องนวัตกรรมใหม่ ที่ผลิตขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่าง “กระเบื้อง” และ “ไวนิล” เรียกว่า Stone Plastic Composite Tile ทำให้มีความยืดหยุ่น แตกหักยากกว่ากระเบื้องปกติ โดยคุณสมบัติเด่นๆ ของกระเบื้องยาง SPC ได้แก่

• กันน้ำได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม แม้มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานก็สามารถทนต่อความชื้นได้ดี
• พื้นผิวมีสัมผัสที่เหมือนไม้จริงๆ ไม่ลื่น จึงปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยเมื่อนำไปใช้ปูพื้นในบ้าน
• ไม่หดตัว หรือยืด จนทำให้กระเบื้องแตกระเบิด
• แข็งแรงทนทาน ง่ายต่อการดูแลรักษา
• ไม่เป็นแหล่งอาศัยของมด ปลวก แมลง

สาเหตุที่ทำให้กระเบื้องยาง SPC มีความแข็งแรงทนทาน ด้วยเพราะมีองค์ประกอบของชั้นกระเบื้อง 5 ชั้น ดังต่อไปนี้

1. ชั้นผิวหน้า UV Layer เคลือบผิวด้วยสาร UV ป้องกันสีซีดจางเมื่อโดนแดด รวมถึงยังช่วยป้องกันแบคทีเรียและสิ่งสกปรก จึงทำให้ความคงทนของผิวหน้ามีมากขึ้น
2. ชั้นกันสึก Wear Layer เป็นชั้นสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสียหายแก่ผิวหน้า ทำให้กระเบื้องยางกันรอยขีดข่วน ทนต่อการเกิดรอยได้มากขึ้น
3. ชั้นสี Printed Layer พิมพ์สีด้วยเทคโนโลยีทันสมัย จึงทำให้มีลวดลายและสีสันที่สด สวย เหมือนจริง ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายเฉดสี
4. ชั้นกลาง Middle Layer เป็นชั้นสำคัญของกระเบื้อง เป็นส่วนผสมของกระเบื้องและไวนิลที่ช่วยลดการยืดหดขยายตัว ทำให้กระเบื้องยางมีความยืดหยุ่น ไม่กรอบ ผุ กร่อน แตก หักง่าย เหมือนกระเบื้องทั่วไป
5. ชั้นสุดท้าย Primer Layer สำหรับกลุ่มกระเบื้องยางที่เป็นระบบคลิกล็อก จะเป็นชั้นที่ไม่ต้องใช้กาวในการติดตั้ง ทำให้ติดตั้งง่าย มีระบบล็อกที่ทำให้ติดตั้งได้ในเวลารวดเร็วซึ่งเมื่อไม่ต้องใช้กาวก็เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

2.กระเบื้องยาง กลุ่ม LVT

กระเบื้องยาง กลุ่ม LVT หรือ Luxury Vinyl Tile เป็นกระเบื้องที่ผลิตขึ้นมาจากพีวีซีบริสุทธิ์ ไม่ได้ผสมกับกระเบื้องปกติเหมือนกลุ่ม SPC โดยภาพรวมแล้วมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคล้ายกันกับกลุ่มกระเบื้องยาง SPC

แต่จะต่างกันตรงที่ กลุ่ม LVT จะยืดหยุ่นกว่า แข็งแรงกว่า เพราะเป็นยางล้วน ซึ่งก็ทำให้มีราคาสูงกว่าด้วย โดยกระเบื้องยาง LVT นั้น มีคุณสมบัติสำคัญ ดังต่อไปนี้

• มีคุณสมบัติในการลดไฟฟ้าสถิต ไม่ลามไฟ ทำให้เพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น
• ไม่อมฝุ่น ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค จึงดีต่อสุขภาพคนในบ้าน
• ช่วยลดเสียงสะท้อน จึงเหมาะปูพื้นห้องประชุม และออฟฟิศสำนักงาน
• ติดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก
• ทนความชื้นได้ดี
• ทนต่อการเกิดรอยขีดข่วน
• มีให้เลือกหลากหลายสี หลายลวดลายสวยงาม
• ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก และแมลงรบกวน
• มีน้ำหนักเบา แต่รองรับน้ำหนักได้มาก

สาเหตุที่ทำให้กระเบื้องยาง LVT มีความแข็งแรง สวยงาม น่าใช้ ก็ด้วยเพราะมีองค์ประกอบของชั้นกระเบื้อง 5 ชั้น ดังต่อไปนี้

1. ชั้นล่างสุด Base Layer เป็นชั้นตารางรูปตาข่าย จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะกับผืนผิวได้ดีมากขึ้น
2. ชั้นกลาง Balance Layer เป็นชั้นพีวีซีบริสุทธิ์ ทำให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ไม่มีการหดขยายตัว จึงแตกหักได้ยากหลังการติดตั้ง
3. ชั้นสี Printed Color Sheet เป็นชั้นสีที่ผลิตจากเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้สีสันลวดลายมีความสดใส มีให้เลือกหลากหลาย แถมยังสามารถสั่งลายพิเศษได้อีกด้วย
4. ชั้นกันสึก Wear Layer เป็นชั้นเสริมความแข็งแกร่งให้ผิวหน้าของกระเบื้องยางมีความแข็งแรง เกิดความเสียหายได้ยากมากขึ้น
5. ชั้นเคลือบผิว UV Coating เป็นชั้นบนสุดของผิวกระเบื้อง เคลือบเอาไว้ด้วยสาร UV ป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดและแสงไฟ ทำให้คงความสดใสเหมือนใหม่ สีไม่ซีดจาง ได้อย่างยาวนาน

ปัจจุบัน กระเบื้องยาง ถือว่าเป็นหนึ่งในกระเบื้องที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ทั้งนี้ ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อกระเบื้องยาง เราก็ต้องทราบก่อนว่า กระเบื้องยาง SPC หรือ LVT กันแน่ ที่เหมาะกับการใช้งานและความต้องการของเรามากที่สุด

ซึ่งนอกจากจะต้องเลือกระหว่าง 2 ประเภทกระเบื้องยางนี้แล้ว ก็ยังต้องเลือกความหนาของกระเบื้อง และรูปแบบของกระเบื้องด้วยว่า เป็นแบบมีกาวในตัว ไม่มีกาวในตัว หรือว่า แบบ Click Lock ซึ่งแต่ละแบบ แต่ละความหนาก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป

สำหรับใครที่สนใจ ต้องการกระเบื้องยางคุณภาพดี ราคาย่อมเยา ก็สามารถติดต่อสอบถามมาได้เลยที่ช่องทางของ PORCELA ออนไลน์ ที่สอบถามขอคำปรึกษาได้ฟรี ตลอด 2