ปัจจุบัน กระเบื้องยาง หรือ กระเบื้องไวนิล ค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเพราะมีทั้งความสวยงาม และความแข็งแรงทนทานในตัว

และทีสำคัญคือ สามารถปูได้ง่าย และคล่องตัวกว่ากระเบื้องเซรามิก หรือ กระเบื้องพอร์ซเลนมาก ด้วยมีแบบที่มีกาวในตัว หรือแบบลอกกาว และแบบ Click Lock ที่ปูได้แบบไม่ต้องง้อช่างและไม่ต้องใช้กาวเลย

ซึ่งด้วยความอเนกประสงค์ของ กระเบื้องยาง นี้เอง จึงทำให้หลายๆ คนพลาดในการเลือกซื้อไปอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่ได้พิจารณา “ความหนา” ของกระเบื้องให้ดี จนทำให้เมื่อนำมาปูใช้งานจริงกลับไม่ตอบโจทย์อย่างที่คาดหวัง

ทั้งนี้ ความหนาของกระเบื้องยางนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อ เพื่อให้ได้กระเบื้องที่ดี มีประสิทธิภาพ เหมาะกับการใช้งาน โดยแนวทางในการเลือกความหนาของกระเบื้องยาง ที่ควรต้องรู้ มีดังต่อไปนี้

1.ความหนา 2-3 มิลลิเมตร

ถือเป็นความหนาของกระเบื้องยางขั้นต่ำที่สุดที่ควรยึดถือเป็นมาตรฐาน แต่กระนั้น ก็ยังไม่ใช่ความหนาที่ทนทานที่สุด เหมาะสำหรับใช้ปูในพื้นที่ที่มีการจราจรน้อย ไม่พลุกพล่าน ไม่จำเป็นต้องรองรับน้ำหนักของเฟอร์นิเจอร์เยอะๆ

ข้อดีของกระเบื้องยางความหนา 2-3 มิลลิเมตร คือ น้ำหนักเบา ง่ายต่อการขนส่ง และการจัดส่ง ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ในขณะเดียวกัน ตัวกระเบื้องเองก็ถือว่ามีราคาย่อมเยาที่สุดด้วยเมื่อเทียบกับรุ่นที่มีความหนามากขึ้น

2.ความหนา 3.2-4 มิลลิเมตร

เป็นระดับความหนาที่มีความแข็งแกร่งระดับปานกลาง ถือเป็นกระเบื้องยางที่ใช้งานได้ดีในพื้นที่ที่มีการสัญจรไปมาสูง อาทิ พื้นที่ส่วนกลางของบ้าน พื้นที่ออฟฟิศสำนักงาน รวมถึงยังเหมาะกับการใช้ปูพื้นห้องครัว เนื่องจากสามารถทนรับน้ำหนักของเฟอร์นิเจอร์ และเคาน์เตอร์ต่างๆ ได้ดี

ทั้งนี้ ความหนาของกระเบื้องในระดับนี้ ยังช่วยทำให้เมื่อปูพื้นไปแล้ว ในการเดินสัญจรจะรู้สึกถึงความนุ่ม สบายเท้ามากกว่ากระเบื้องยางที่บางๆ เพราะ ยิ่งกระเบื้องบางมากเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนกับว่าเท้าของเราเดินอยู่บนคอนกรีตแข็งๆ มากเท่านั้น

3.ความหนา 5 มิลลิเมตรขึ้นไป

ถือเป็นระดับความหนาของกระเบื้องยางขั้นสูง มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุดในบรรดากระเบื้องยางทั้งหมด กระเบื้องยางที่มีความหนาตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรขึ้นไป มักจะมีราคาที่สูงกว่ากระเบื้องยางบางๆ มาก แต่เมื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าและอายุการใช้งานแล้ว ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่า

นอกจากนั้นแล้ว กระเบื้องยางที่มีความหนามากๆ ก็จะมีความสวยงาม และสมจริงของลวดลายที่มากกว่าด้วย เพราะชั้นสี และขั้นเคลือบผิวต่างๆ มีความสมบูรณ์แบบมากกว่ากระเบื้องที่มีความหนาน้อยๆ

ปัจจุบันกระเบื้องยาง หรือ กระเบื้องไวนิลนั้น สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไป ซึ่งกับดักสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่พลาดก็คือ “มองแต่ราคาเป็นที่ตั้ง” จึงทำให้เมื่อเจอกระเบื้องยางราคาถูก ก็ตัดสินใจซื้อทันที

ซึ่งขนาดความกว้างความยาว และตารางเมตรที่ปูได้นั้นไม่ต่าง แต่ราคาต่างหากที่ต่างกัน กล่าวคือ กระเบื้องยางถูกๆ ส่วนใหญ่นั้นจะมีความหนาน้อย ซึ่งน้อยกว่าค่ามาตรฐาน 2-3 มิลลิเมตรเสียอีก โดยมักจะหนาอยู่ที่ราวๆ  1 มิลลิเมตรกว่าๆ เท่านั้น

ซึ่งเมื่อเราเลือกกระเบื้องยางที่หนาน้อยๆ ไปปูพื้น และปูในพื้นที่ที่สัญจรมาก รองรับน้ำหนักจากเฟอร์นิเจอร์มาก โอกาสที่จะเกิดการชำรุดเสียหาย แตกหัก และใช้งานได้ไม่ยาวนานก็มีสูง จึงทำให้จากที่คิดว่าซื้อถูก ก็กลายเป็นต้องจ่ายแพงค่าซ่อม และค่ากระเบื้องใหม่ไปแทน

ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อกระเบื้องยาง จึงควรพิจารณา “ความหนา” ของกระเบื้องประกอบด้วย โดยเลือกความหนาให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้เราได้กระเบื้องยางที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่าที่สุด จริงๆ