กระเบื้องไวนิล หรือที่ใครหลาย ๆ คนมักเรียกกันติดปากว่ากระเบื้องยางไวนิล ถือเป็นอีกหนึ่งชนิดกระเบื้องที่ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีความสวยงาม หรูหรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ กระเบื้องไวนิล ลายไม้ ที่มีความเหมือนไม้ธรรมชาติมากแบบถ้าไม่ดูให้ดีก็แยกไม่ออก

แต่อย่างไรก็ตามท่ามกลางความนิยมนั้น ผู้คนก็มักจะโฟกัสตัดสินใจเลือกซื้อกันจากราคาที่ถูกที่สุดเป็นหลัก จนอาจทำให้โดนคำว่า “ กระเบื้องไวนิล ราคาถูก” ทำร้ายได้ โดยปัญหาที่พบบ่อยจากการเลือกซื้อกระเบื้องไวนิลราคาถูกโดยไม่พิจารณาอย่างรอบคอบนั้น มีดังต่อไปนี้

1.ได้กระเบื้องคุณภาพไม่ดีอายุการใช้งานสั้นกว่าที่ควรจะเป็น

กระเบื้องไวนิลที่มีคุณสมบัตินั้น จะต้องเป็นกระเบื้องที่ผลิตขึ้นมาจากยางบริสุทธิ์ ไม่ได้ผ่านการรีไซเคิล หรือนำวัสดุอื่น ๆ มาผสมดัดแปลง หรือ ถ้าจะเป็นกระเบื้องยางไวนิลแบบผสมจริง ๆ ก็ควรจะต้องเป็นกระเบื้องไวนิลในตระกูลกระเบื้อง SPC หรือ Stone Plastic Composite Tile ที่ผสมกันระหว่างกระเบื้องหินกับกระเบื้องยาง จึงจะมีความแข็งแกร่งทนทานจริง ๆ ส่วนกระเบื้องไวนิลที่เป็นยางบริสุทธิ์แท้นั้น จะอยู่ในตระกูล LVT หรือ Luxury Vinyl Tile ผลิตจาก PVC บริสุทธ์ล้วน มีความสวยงาม หรูหรา และยืดหยุ่นสูง อายุการใช้งานยาวนาน และแข็งแรงกว่ากระเบื้องหินทั่วไป

ซึ่งถ้าการตัดสินใจซื้อกระเบื้องไวนิลราคาถูกนั้น ไม่ได้พิจารณาว่าเป็นกระเบื้อง LVT หรือ SPC แท้หรือไม่ ก็อาจเสี่ยงทำให้ได้กระเบื้องยางที่ไร้คุณภาพ ซึ่งแม้จะถูกจริง แต่สุดท้ายก็ถูกหลอกให้ใช้กระเบื้องคุณภาพต่ำ จนต้องมาเสียงบประมาณในการซ่อมแซมภายหลังที่อาจก้อนใหญ่กว่าที่ซื้อไปแล้วก็ได้

2.ได้กระเบื้องไวนิลที่บางเกินไป

กระเบื้องไวนิลในท้องตลาดนั้นจะมีความหนาที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ 2 MM. ไปจึงถึง 5 MM. ซึ่ง โดยทั่วไปแล้วเวลาคนส่วนใหญ่โฟกัสแต่กับคำว่ากระเบื้องไวนิลราคาถูก ก็มักจะไม่ได้สนใจเลยว่า กระเบื้องนั้นมีความหนามากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกลไกราคาอยู่แล้วที่กระเบื้องหนากว่า ย่อมมีราคาสูงกว่า และความหนาของกระเบื้องก็สัมพันธ์กับความแข็งแกร่ง และคุณภาพการใช้งานโดยตรง

โดยหากเราตั้งใจเอากระเบื้องไวนิลไปปูในพื้นที่ที่ต้องมีการสัญจรมาก เดินเหินเหยียบย่ำ รองรับเฟอร์นิเจอร์หนัก ๆ รองรับการทำกิจกรรมมาก ๆ ถ้าใช้กระเบื้องถูก ๆ ที่บางเกินไป รับประกันเลยว่าไม่นานก็แตกหักชำรุดเสียหายและต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซม หรือกระเบื้องมาปูใหม่อย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อเห็นคำว่ากระเบื้องไวนิลราคาถูก อย่างเพิ่งรีบร้อนบอกถูกใจ แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมสักนิดว่า กระเบื้องไวนิลนั้นมีความหนาเท่าไร และเหมาะสมกับการใช้งานที่ตั้งใจไว้หรือไม่

3.ได้กระเบื้องถูกแต่เสียค่าปูแพง

ในตลาดกระเบื้องไวนิลนั้น นอกจากแบ่งย่อยตามประเภทของวัสดุที่ใช้ผลิตแล้ว ยังแยกประเภทของการปูออกจากกันด้วย เช่น กระเบื้องไวนิลแบบมีกาวในตัว แบบไม่มีกาวในตัว และแบบคลิกล็อก ที่ไม่ต้องใช้กาวใด ๆ ในการปู แค่เรียงกระเบื้องต่อกันให้ตรงล็อคก็ติดแน่นสนิทได้เองเลยทันที ซึ่งแน่นอนว่ากระเบื้องไวนิลคลิกล็อก ที่ไม่ต้องใช้กาวใด ๆ ไม่ต้องจ้างช่างมาช่วยปูย่อมมีราคาแพงกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเสียค่าจ้างช่างมาช่วยปูอีกแล้ว

ในขณะที่กระเบื้องไวนิลแบบมีกาวในตัว ก็จะแพงกว่ากระเบื้องไวนิลเปล่า ๆ ที่ต้องไปซื้อกาวมาปูเพิ่ม ไปจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญมาปูให้นั่นเอง ซึ่งจากรูปแบบกระเบื้องทั้งหมด เราจะเห็นได้ว่าจำเป็นต้องถามตัวเองให้ดีก่อนซื้อว่าต้องการแบบไหน เราปูเองได้หรือไม่ จำเป็นต้องจ้างช่างไหม เพื่อให้คิดงบประมาณในการทำงานได้อย่างครอบคลุมครบถ้วน ไม่ใช่ซื้อกระเบื้องแบบถูกมาแล้วปูเอง แต่ปูไม่ชำนาญ ก็ทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้

ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แค่กระเบื้องไวนิลเท่านั้น ที่เราไม่ควรตัดสินใจเลือกซื้อจากราคาถูกเป็นหลัก แต่เป็นกับกระเบื้องทุกชนิดเลย เพราะราคาไม่ได้บ่งบอกถึงคุณสมบัติที่ดี หรือคุณภาพในการใช้งานเลย แต่เราจำเป็นต้องพิจารณาจากโจทย์ความต้องการกระเบื้องของเรา ต้องพิจารณาจากประเภทของกระเบื้องว่ากระเบื้องนั้น ๆ มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ตอบโจทย์กับการใช้งานของเรามากแค่ไหน แล้วจึงค่อยไปเปรียบเทียบราคาดูว่าเหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งไว้หรือไม่

ดังนั้น ในการเลือกช้อปปิ้งกระเบื้องไวนิล จึงควรตั้งสติและมีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ปล่อยให้คำโฆษณาชวนเชื่อ “กระเบื้องไวนิลราคาถูก” เล่นงานเราจนต้องเสียงบประมาณมากกว่าที่ควรจะเป็นและเกิดปัญหาเสียเวลาตามมาภายหลัง